หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

6.การลงทุนในฟิวเจอร์ทองคำ

    คือการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ (Gold Future)  ในตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX (Thailand  Futures Exchange ) โดยมีสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานกำกับดูแล  ผู้ลงทุนจะต้องทำการเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทนายหน้า  หรือที่เรียกว่า "โบรกเกอร์" เพื่อส่งคำสั่งซื้อขายเข้าไปยังตลาดอนุพันธ์
    โดยจะเป็นการชำระราคาเป็นเงินสด  แทนการส่งมอบทองคำ  ซึ่งระบบจะคำนวณกำไร/ขาดทุนทุกวัน  ข้อพึงระวัง  ควรเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทที่ได้รับอนุญาต จาก ก.ล.ต. เท่านั้น  เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพ  ได้โทรศัพท์มาหลอกลวงให้ซื้อขายทองคำ  และอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดล่วงหน้า  ตัวอย่างสัญญาที่ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์  GFZ11   GF10Z11   GFG12   GF10G12

5.หุ้นทองคำ

     หุ้นทองคำ  เป็นหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหุ้นปกติ  เกิดจากกองทุน ETF (Exchange Traded Fund)  ที่เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง  และได้มีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนระหว่างวันได้  เปรียบเสมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป

    ซึ่งราคาจะขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก  มีความแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปที่เราจะรู้ราคาเมื่อปิดสิ้นวันไปแล้ว  โดยหุ้นทองคำ  ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์  จะมีทั้งของกองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ  แทร็กเกอร์ : GLD  กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ GOLD ETF : GOLD99 , กองทุนเปิดเคโกลด์ อีทีเอฟ:KG965  กองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ: BCHAY

4.การลงทุนในกองทุนรวม

      เป็นการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ  โดยการซื้อหน่วยลงทุนกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)  ในกองทุนที่มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในทองคำเป็นหลัก  ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการลงทุน  เพราะไม่ต้องไปซื้อทองคำมาเก็บรักษาไว้  ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย  ถูกโจรกรรม  และค่าเก็บรักษา  ซึ่งอาจจะเก็บไว้ที่บ้าน หรือในตู้เซฟธนาคาร  แต่การลงทุนในกองทุนรวม บลจ.จะมีการหักค่าธรรมเนียม การซื้อขายซึ่งมีตั้งแต่ 0-1% และค่าบริหารจัดการกองทุน  ตัวอย่างกองทุนรวม   BGOLD  K-GOLD TISCOGOLD  KT-GOLD  KF-GOLD

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

3.การออมทอง

ปัจจุบันนี้ได้มีร้านทองบางแห่งได้เสนอบริการ การออมทอง  ขึ้นมาเพื่อเพิ่มทองเลือกให้กับนักลงทุนในการซื้อทองคำเฉลี่ยทุกเดือน  มองง่ายๆ เหมือนกับเราออมเงิน  โดยฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารทุกเดือน  แต่อันนี้เป็นการออมทอง ร้านทองจะหักเงินจากบัญชีธนาคารเราทุกเดือน (ขั้นต่ำ 1,000 บาท ) และนำเงินไปซื้อทองคำเก็บไว้
    เมื่อสะสมทองคำถึงที่กำหนดไว้  อาจจะ 1 บาท , 5 บาท เราก็สามารถไปเบิกทองมาเก็บไว้ได้  ซึ่งนักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยง  เนื่องจากการออมทองนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามากำกับดูแล  ดังนั้นควรเลือกร้านทองที่มีชื่อเสียง  ฐานะการเงินมั่งคง  ไว้ใจได้  จะดีที่สุดสำหรับโปรแกรมออมทอง
เช่น  ฮั่วเซ่งเฮง  ออสสิริส  วายแอลจี  โกลเบล็ก

2.ทองรูปพรรณ

ทองรูปพรรณ  ราคาจะสูงกว่าการซื้อทองคำแท่ง  เนื่องจากเราต้องเสียค่ากำเหน็จ  หรือค่าแรง  ในการทำทองให้เป็นลวดลายที่สวยงาม ซึ่งมีให้เลือก หลายรูปแบบทั้งสร้อยคอ กำไร แหวน  โดยปกติค่ากำเหน็จ ก็จะคิดอยู่ระหว่าง 200-700 บาทต่อน้ำหนักทอง 1 บาท  ซึ่งหากเป็นลายที่ทำยากค่ากำเหน็จก็จะสูงตามไปด้วย
      ข้อดีของทองรูปพรรณคือเราสามารถสวมใส่เพื่อความสวยงาม  ใช้สำหรับออกงานสังคม  เรียกได้ว่าลงทุนแล้วยังใช้ประโยชน์ได้อีก  แต่มีข้อเสียคือเมื่อเวลาขายคืนจะได้ราคาต่ำกว่าการขายทองคำแท่ง  เนื่องจากร้านทองที่รับซื้อคืนจะต้องนำไปหลอมทำใหม่  และน้ำหนักทองอาจจะลดลงไปบ้างเนื่องจากการสึกหรอจากการสวมใส่

ยินดีต้อนรับทุกท่าเข้าสู่ Blog แนะนำการลงทุนทองคำ

    “ทองคำ” ถือเป็นสินทรัพย์ (Asset Class) ที่สำคัญที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในการลงทุนทางเลือก ที่นักลงทุนทั่วโลกให้การยอมรับ รวมทั้งนักลงทุนไทยในปัจจุบัน     แต่การจะลงทุนในทองคำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ก็อาจจะพาให้เจ็บตัวได้เช่นเดียวกัน ในสภาวะที่ทองคำ ได้กลับมาอยู่ในโฟกัสของถนนสายการลงทุนอีกรอบ อย่างน้อยถ้าเล็งเป้าเข้าไปลงทุนในทองคำ มีเรื่องอะไรบ้างที่นักลงทุนควรรู้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับการลงทุนของตัวเอง

      การลงทุนในทองคำมีเรื่องอะไรที่นักลงทุนควรจะรู้บ้าง เราลองมาดูรายละเอียดกัน
รูปแบบการลงทุนในทองคำ
        ทองคำมาตราฐานของประเทศไทยอยู่ที่ 96.5%  โดยราคาทองคำจะมีการประกาศ แจ้งราคารับซื้อ
ขายออก  ที่หน้าร้านทองคำ  ซึ่งอ้างอิงจากประกาศของสมาคมค้าทองคำ  ดังนั้นนักลงทุนสามารเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ทองคำ  ได้หลายรูปแบบดังนี้
  1. ทองคำแท่ง
  2. ทองคำรูปพรรณ
  3. การออมทอง
  4. การลงทุนในกองทุนรวมทองคำ
  5. หุ้นทองคำ
  6. การลงทุน Gold Future
  7. การเทรดทองคำแท่ง
1. ทองคำแท่ง
         ทองคำแท่งค่อนข้างจะหาซื้อยากสักหน่อยสำหรับร้านทองเล็กๆ  เนื่องจากสภาพคล่องไม่ค่อยดีเท่ากับทองคำรูปพรรณ  และได้กำไรน้อย  อาจจะต้องไปซื้อกับร้านทองที่ใหญ่ หรือ ร้านย่านเยาวราช ทองคำหากเริ่มที่  1 สลึง  ก็จะทำเป็น เหรียญทอง ก้อนกลมๆ ประมาณเหรียญบาท  ถ้าเป็นทองคำ 1 บาทขึ้นไป  จะเป็นทองคำแผ่น ซึ่งจะเสียค่าแบบหรือค่าบล๊อกบ้าง  ส่วนถ้าเป็น 5 บาท จะเป็นทองคำแท่ง  ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เสียค่าแบบ  ถ้าทำเป็นรูปตำลึง  สำหรับงานแต่งงาน ก็จะมีค่าแบบด้วยเช่นกัน  ซึ่งราคารับซื้อกับราคาขายในปัจจุบันต่างกันประมาณ 100 บาท เช่น ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 24,050 บาท   ราคาขายบาทละ  25,150 บาท




เหรียญทองคำ 1 สลึง

เหรียญทองคำ 2 บาท