คือการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ (Gold Future) ในตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX (Thailand Futures Exchange ) โดยมีสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ลงทุนจะต้องทำการเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทนายหน้า หรือที่เรียกว่า "โบรกเกอร์" เพื่อส่งคำสั่งซื้อขายเข้าไปยังตลาดอนุพันธ์
โดยจะเป็นการชำระราคาเป็นเงินสด แทนการส่งมอบทองคำ ซึ่งระบบจะคำนวณกำไร/ขาดทุนทุกวัน ข้อพึงระวัง ควรเปิดบัญชีซื้อขายกับบริษัทที่ได้รับอนุญาต จาก ก.ล.ต. เท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพ ได้โทรศัพท์มาหลอกลวงให้ซื้อขายทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดล่วงหน้า ตัวอย่างสัญญาที่ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ GFZ11 GF10Z11 GFG12 GF10G12
วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555
5.หุ้นทองคำ
หุ้นทองคำ เป็นหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหุ้นปกติ เกิดจากกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ที่เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง และได้มีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุนระหว่างวันได้ เปรียบเสมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป
ซึ่งราคาจะขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก มีความแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปที่เราจะรู้ราคาเมื่อปิดสิ้นวันไปแล้ว โดยหุ้นทองคำ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะมีทั้งของกองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ : GLD กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ GOLD ETF : GOLD99 , กองทุนเปิดเคโกลด์ อีทีเอฟ:KG965 กองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ: BCHAY
ซึ่งราคาจะขึ้นลงตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก มีความแตกต่างจากกองทุนรวมทั่วไปที่เราจะรู้ราคาเมื่อปิดสิ้นวันไปแล้ว โดยหุ้นทองคำ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะมีทั้งของกองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ : GLD กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ GOLD ETF : GOLD99 , กองทุนเปิดเคโกลด์ อีทีเอฟ:KG965 กองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ: BCHAY
4.การลงทุนในกองทุนรวม
เป็นการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ โดยการซื้อหน่วยลงทุนกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในกองทุนที่มีนโยบายนำเงินไปลงทุนในทองคำเป็นหลัก ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการลงทุน เพราะไม่ต้องไปซื้อทองคำมาเก็บรักษาไว้ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงต่อการสูญหาย ถูกโจรกรรม และค่าเก็บรักษา ซึ่งอาจจะเก็บไว้ที่บ้าน หรือในตู้เซฟธนาคาร แต่การลงทุนในกองทุนรวม บลจ.จะมีการหักค่าธรรมเนียม การซื้อขายซึ่งมีตั้งแต่ 0-1% และค่าบริหารจัดการกองทุน ตัวอย่างกองทุนรวม BGOLD K-GOLD TISCOGOLD KT-GOLD KF-GOLD
วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555
3.การออมทอง
ปัจจุบันนี้ได้มีร้านทองบางแห่งได้เสนอบริการ การออมทอง ขึ้นมาเพื่อเพิ่มทองเลือกให้กับนักลงทุนในการซื้อทองคำเฉลี่ยทุกเดือน มองง่ายๆ เหมือนกับเราออมเงิน โดยฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารทุกเดือน แต่อันนี้เป็นการออมทอง ร้านทองจะหักเงินจากบัญชีธนาคารเราทุกเดือน (ขั้นต่ำ 1,000 บาท ) และนำเงินไปซื้อทองคำเก็บไว้
เมื่อสะสมทองคำถึงที่กำหนดไว้ อาจจะ 1 บาท , 5 บาท เราก็สามารถไปเบิกทองมาเก็บไว้ได้ ซึ่งนักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยง เนื่องจากการออมทองนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามากำกับดูแล ดังนั้นควรเลือกร้านทองที่มีชื่อเสียง ฐานะการเงินมั่งคง ไว้ใจได้ จะดีที่สุดสำหรับโปรแกรมออมทอง
เช่น ฮั่วเซ่งเฮง ออสสิริส วายแอลจี โกลเบล็ก
เมื่อสะสมทองคำถึงที่กำหนดไว้ อาจจะ 1 บาท , 5 บาท เราก็สามารถไปเบิกทองมาเก็บไว้ได้ ซึ่งนักลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยง เนื่องจากการออมทองนี้ยังไม่มีหน่วยงานรัฐเข้ามากำกับดูแล ดังนั้นควรเลือกร้านทองที่มีชื่อเสียง ฐานะการเงินมั่งคง ไว้ใจได้ จะดีที่สุดสำหรับโปรแกรมออมทอง
เช่น ฮั่วเซ่งเฮง ออสสิริส วายแอลจี โกลเบล็ก
2.ทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณ ราคาจะสูงกว่าการซื้อทองคำแท่ง เนื่องจากเราต้องเสียค่ากำเหน็จ หรือค่าแรง ในการทำทองให้เป็นลวดลายที่สวยงาม ซึ่งมีให้เลือก หลายรูปแบบทั้งสร้อยคอ กำไร แหวน โดยปกติค่ากำเหน็จ ก็จะคิดอยู่ระหว่าง 200-700 บาทต่อน้ำหนักทอง 1 บาท ซึ่งหากเป็นลายที่ทำยากค่ากำเหน็จก็จะสูงตามไปด้วย
ข้อดีของทองรูปพรรณคือเราสามารถสวมใส่เพื่อความสวยงาม ใช้สำหรับออกงานสังคม เรียกได้ว่าลงทุนแล้วยังใช้ประโยชน์ได้อีก แต่มีข้อเสียคือเมื่อเวลาขายคืนจะได้ราคาต่ำกว่าการขายทองคำแท่ง เนื่องจากร้านทองที่รับซื้อคืนจะต้องนำไปหลอมทำใหม่ และน้ำหนักทองอาจจะลดลงไปบ้างเนื่องจากการสึกหรอจากการสวมใส่
ข้อดีของทองรูปพรรณคือเราสามารถสวมใส่เพื่อความสวยงาม ใช้สำหรับออกงานสังคม เรียกได้ว่าลงทุนแล้วยังใช้ประโยชน์ได้อีก แต่มีข้อเสียคือเมื่อเวลาขายคืนจะได้ราคาต่ำกว่าการขายทองคำแท่ง เนื่องจากร้านทองที่รับซื้อคืนจะต้องนำไปหลอมทำใหม่ และน้ำหนักทองอาจจะลดลงไปบ้างเนื่องจากการสึกหรอจากการสวมใส่
ยินดีต้อนรับทุกท่าเข้าสู่ Blog แนะนำการลงทุนทองคำ
“ทองคำ” ถือเป็นสินทรัพย์ (Asset Class) ที่สำคัญที่ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในการลงทุนทางเลือก ที่นักลงทุนทั่วโลกให้การยอมรับ รวมทั้งนักลงทุนไทยในปัจจุบัน แต่การจะลงทุนในทองคำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ก็อาจจะพาให้เจ็บตัวได้เช่นเดียวกัน ในสภาวะที่ทองคำ ได้กลับมาอยู่ในโฟกัสของถนนสายการลงทุนอีกรอบ อย่างน้อยถ้าเล็งเป้าเข้าไปลงทุนในทองคำ มีเรื่องอะไรบ้างที่นักลงทุนควรรู้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับการลงทุนของตัวเอง
การลงทุนในทองคำมีเรื่องอะไรที่นักลงทุนควรจะรู้บ้าง เราลองมาดูรายละเอียดกัน
รูปแบบการลงทุนในทองคำ
ทองคำมาตราฐานของประเทศไทยอยู่ที่ 96.5% โดยราคาทองคำจะมีการประกาศ แจ้งราคารับซื้อ
ขายออก ที่หน้าร้านทองคำ ซึ่งอ้างอิงจากประกาศของสมาคมค้าทองคำ ดังนั้นนักลงทุนสามารเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ทองคำ ได้หลายรูปแบบดังนี้
การลงทุนในทองคำมีเรื่องอะไรที่นักลงทุนควรจะรู้บ้าง เราลองมาดูรายละเอียดกัน
รูปแบบการลงทุนในทองคำ
ทองคำมาตราฐานของประเทศไทยอยู่ที่ 96.5% โดยราคาทองคำจะมีการประกาศ แจ้งราคารับซื้อ
ขายออก ที่หน้าร้านทองคำ ซึ่งอ้างอิงจากประกาศของสมาคมค้าทองคำ ดังนั้นนักลงทุนสามารเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ทองคำ ได้หลายรูปแบบดังนี้
- ทองคำแท่ง
- ทองคำรูปพรรณ
- การออมทอง
- การลงทุนในกองทุนรวมทองคำ
- หุ้นทองคำ
- การลงทุน Gold Future
- การเทรดทองคำแท่ง
ทองคำแท่งค่อนข้างจะหาซื้อยากสักหน่อยสำหรับร้านทองเล็กๆ เนื่องจากสภาพคล่องไม่ค่อยดีเท่ากับทองคำรูปพรรณ และได้กำไรน้อย อาจจะต้องไปซื้อกับร้านทองที่ใหญ่ หรือ ร้านย่านเยาวราช ทองคำหากเริ่มที่ 1 สลึง ก็จะทำเป็น เหรียญทอง ก้อนกลมๆ ประมาณเหรียญบาท ถ้าเป็นทองคำ 1 บาทขึ้นไป จะเป็นทองคำแผ่น ซึ่งจะเสียค่าแบบหรือค่าบล๊อกบ้าง ส่วนถ้าเป็น 5 บาท จะเป็นทองคำแท่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เสียค่าแบบ ถ้าทำเป็นรูปตำลึง สำหรับงานแต่งงาน ก็จะมีค่าแบบด้วยเช่นกัน ซึ่งราคารับซื้อกับราคาขายในปัจจุบันต่างกันประมาณ 100 บาท เช่น ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 24,050 บาท ราคาขายบาทละ 25,150 บาท
เหรียญทองคำ 1 สลึง |
เหรียญทองคำ 2 บาท |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)